เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เตรียมไว้ 2. อุ่นกะทิด้วยไมโครเวฟ ใช้ไฟกลาง ประมาณ 2 นาที จากนั้นนำออกมาใส่น้ำตาลทราย คนให้น้ำตาลละลายแล้วนำเข้าไมโครเวฟใช้ไฟกลางอีก 2 นาที นำออกมาคนอีกครั้ง พักทิ้งไว้ให้เย็น เตรียมไว้ 3. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ เตรียมไว้ 4. เตรียมถาดอบ โดยทาน้ำมันพืชให้ทั่ว รองด้วยกระดาษรองอบ แล้วทาน้ำมันพืชบาง ๆ อีกครั้ง ใส่ฝอยทองลงในถาดอบให้ทั่ว 5. ตีไข่และน้ำมะนาวในอ่างผสม โดยใช้เครื่องตีไฟฟ้า ค่อย ๆ เพิ่มระดับจากความเร็วต่ำไปความเร็วสูง ตีจนขึ้นฟูเป็นครีม และตั้งยอดอ่อน 6. ค่อย ๆ ใส่แป้งที่ร่อนแล้ว สลับกับน้ำกะทิ โดยแบ่งแป้งเป็น 3 ส่วน แบ่งน้ำกะทิเป็น 2 ส่วน ใส่แป้งก่อนแล้วตะล่อมให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำกะทิ คนให้เข้ากัน แล้วใส่แป้งและน้ำกะทิสลับกันไปจนหมด (จะจบด้วยการใส่แป้ง) ตะล่อมเบา ๆ ให้เข้ากัน ใส่กลิ่นมะลิ ตะล่อมให้เข้ากัน นำส่วนผสมใส่ลงในถาดอบ โรยด้วยน้ำตาลทรายให้ทั่ว 7. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส ประมาณ 25 นาที หรือจนสุกเหลือง นำออกมาพักให้เย็น แล้วจึงนำมาตัดเป็นชิ้น จัดเสิร์ฟกับลูกเกด + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สาลี่ทิพย์ฝอยทอง สูตรขนมไทยหน้ากรอบหวานหอมชิ้นพอคำ +++++++++++++++++++ 4.
ผสมน้ำมันพืช ไข่แดง นมข้นจืด และกลิ่นวานิลลาเข้าด้วยกัน เทลงในหลุมส่วนผสมของแห้ง ใช้ตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมเข้ากันจนเนียน ไม่มีเม็ดของของแห้งเหลืออยู่ 5. ตีไข่ขาวด้วยตะกร้อมือให้เป็นฟองหยาบ ๆ แล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไป ตีต่อจนเป็นฟองละเอียด เติมน้ำตาลทรายลงไปครึ่งหนึ่งแล้วตีต่อจนตั้งยอด คนเบา ๆ ต่ออีกประมาณ 1 นาที เพื่อตัดฟองอากาศ แบ่งใส่ในส่วนผสมแป้ง แล้วใช้ตะกร้อมือตะล่อมเบา ๆ (ในสูตรแบ่งใส่ประมาณ 3 ครั้ง) คนจนส่วนผสมเนียนเข้ากัน 6. ตักใส่พิมพ์ วางลงในถาดสำหรับอบที่รองด้วยน้ำ (เพื่อไม่ให้ฝอยทองไหม้) จากนั้นนำเข้าอบประมาณ 30 นาที นำออกจากเตา แกะออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟ + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ชิฟฟ่อนฝอยทอง ชิฟฟ่อนทองหยอด สูตรทำง่ายกับอุปกรณ์บ้าน ๆ +++++++++++++++++++ 3.
ต่อยไข่ไก่และไข่เป็ด เลือกเอาเฉพาะไข่แดง นำออกมากรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อรีดเอาเยื่อออก 2. ผสมไข่แดง, ไข่น้ำค้างและน้ำมันพืชเข้าด้วยกัน คนจนผสมกันทั่ว 3. นำน้ำลอยดอกมะลิผสมกับน้ำตาลในกระทะทองเหลืองและนำไปตั้งไฟร้อนปานกลาง รอจนเดือด 4. นำส่วนผสมไข่แดงใส่ลงไปในกรวยและนำไปโรยในน้ำเชื่อมที่เดือด ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาทีจนไข่สุกจึงใช้ไม้แหลม สอยขึ้นและพับให้เป็นแพตามต้องการ 5. จัดใส่จาน เสริฟเป็นของว่างทางเล่นในวันสบายๆ
น้ำค้างไข่ หรือนน้ำต้อย คือน้ำหล่อเลี้ยง ไข่แดง ช่วยให้ไข่แดงไม่ติดเปลือก จะเกิดขึ้นเมื่อไข่ถูกเก็บไว้สัก 2-3 วัน วิธีแยกเอาน้ำค้างไข่ ทำได้ดดยวางไข่ให้ส่วนแหลมอยู่ด้านล่างเพื่อให้น้ำค้างไข่ที่เกิดขึ้นไหลลงมาอยู่ส่วนแหลม เวลาตอกไข่ให้ตอกส่วนป้านของไข่โดยรอบ ค่อยๆ เทไข่แดงและไข่ขาวออกจากเปลือก น้ำค้างไข่จะอยู่ในเปลือก ให้เทใส่ชามไว้ต่างหาก 2หากทำฝอยทองดดยใช้ไข่แดงล้วนๆ ไข่แดงจะข้นมาก และไม่สามารถไหลออกจากกรวยที่มีรูเล็กๆ ได้ น้ำค้างไข่จะช่วยลดความเข้มข้นของไข่แดงและยังช่วยให้ไหลลื่นจากกรวยได้ง่ายด้วย 3. วิธีที่ง่ายกว่านี้ในการแยกน้ำค้างไข่ ก็คือ ตอกไข่ทั้งหมดใส่ชามไว้ นำไข่ทั้งชามไปเทกรองด้วยกระซอนส่วนที่เป็นน้ำค้างไข่จะใสและไหลผ่านกระซอนลงมาเอง วิธีทำ 1. ต่อยไข่ใส่ชาม แยกไข่ขาวออกจากไข่แดง รีดเอาเยื่ออกให้ส่วนผสมน้ำค้างไข่ตาม อัตราไข่ 9 ฟองต่อน้ำค้างไข่ 3 ช้อนโต๊ะ 2. ใส่น้ำตาลและน้ำลอยดอกมะลิลงในกะทะตั้งไฟ คนให้น้ำตาลทรายละลาย พอเดือดปรับไฟให้แรงเฉพาะตรงกลางกะทะ แล้วเริ่มโรยฝอยทอง 3. ใส่ไข่แดงที่ผสมน้ำค้างไข่และคนให้เข้ากันดีแล้วลงในกรวยสำหรับโรยไข่ โรยลงน้ำเชื่อมแบบวนรอบกระทะประมาณ 20 หรือ 30 รอบ แล้วแต่ต้องการขนมแพเล็กหรือแพใหญ่รอให้เดือด 4.
ขนมฝอยทอง ความเป็นมาของขนมฝอยทองมาจากประเทศโปรตุเกส โดย มานี กีมารื หรือนางท้าวทองกีบม้า เป็นมาลูกครึ่งญี่ปุ่น-โปรตุเกส รับราชการในวังตำแหน่งหัวหน้าห้องเครื่องต้น ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ราว พ. ศ.